หยางกุ้ยเฟย (หยางยู่หวน) [杨玉环]
กลีบดอกโบตั๋น ร่วงโรยลง ณ ริมฝั่งแม่น้ำ เป็นภาพที่ดูแล้วงดงามยิ่ง แต่สิ่งที่งดงามเกินบรรยายและถูกกล่าวลือกันมาก คือ หยางยู่หวน (หยางกุ้ยเฟย) สรวงสวรรค์คอยเฝ้ามอง เสียงดนตรีขับกล่อม ทำให้นครฉางอานนั้น คือประติมากรรมที่มิอาจหาสิ่งใดมาเทียบเทียมได้ แต่ถ้าหากตรงกันข้ามแล้ว ชื่อเสียงเรียงนามของหญิงผู้นี้ คือความลับที่ชวนให้ค้นหา แต่กลับแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นสเน่ห์ในตัวนางชวนให้หลงไหลยิ่ง จากการมีชื่อเสียงของนาง เป็นเพียงการรับจ้างเล่นดนตรีทั่วไปตามสถานบรรเทิงเริงรมย์เท่านั้น
เมื่องานเทศกาลบุปผาผลิบานในเมืองฉางอานถึงช่วงสำคัญของมันแล้ว.. ณ วันที่ 3 เดือนที่ 3 ของวันปีใหม่
หญิงสาวผู้งดงาม พร้อมพิณในมือนาง ปรากฏตัวขึันอีกครั้ง ผู้ซึ่งนำพาความรู้สึกสมหวังมาสู่ผู้คน เสียงของพิณดังกังวาลดั่งน้ำกระเพื่อม แปรผันเป็นเสียงซึ่งแฝงความหมายไว้ภายในว่า : หญิงงามผู้กำเนิดทางตอนเหนือผู้นี้ ไร้มลทินและมิอาจหาที่ติเตียน คือผู้ที่น่าทะนุถนอม และดังกล่าวมา อาจเป็นที่สุด ในแผ่นดินใหญ่นี้ นางได้มาเยือนฉางอาน เพื่อต้องการให้ความสามารถของนางรับรู้ไปทั่วปฐพี และค้นหาความสุขที่นางต้องการ
หญิงสาวผู้งดงาม พร้อมพิณในมือนาง ปรากฏตัวขึันอีกครั้ง ผู้ซึ่งนำพาความรู้สึกสมหวังมาสู่ผู้คน เสียงของพิณดังกังวาลดั่งน้ำกระเพื่อม แปรผันเป็นเสียงซึ่งแฝงความหมายไว้ภายในว่า : หญิงงามผู้กำเนิดทางตอนเหนือผู้นี้ ไร้มลทินและมิอาจหาที่ติเตียน คือผู้ที่น่าทะนุถนอม และดังกล่าวมา อาจเป็นที่สุด ในแผ่นดินใหญ่นี้ นางได้มาเยือนฉางอาน เพื่อต้องการให้ความสามารถของนางรับรู้ไปทั่วปฐพี และค้นหาความสุขที่นางต้องการ
นางเริ่มบรรเลงบทเพลงไปในทันใด..
เหล่าพ่อค้านักเดินเรือที่ผ่านไปมา ได้สดับรับฟังเรื่องราวของสาวงามผู้นี้ และเสียงดนตรีอันไพเราะของนาง นึกถึงบ้านที่เดินทางจากมาไกลนับหมื่นลี้ สิ่งที่ชวนให้หลงไหล เพลงที่ดังกังวาลเข้าไปถึงโสตประสาท ซากปรักหักพังต่างฟื้นฟูกลับขึ้นมาใหม่ เกิดให้มีภาพลวงตาที่มิอาจหลบเลี่ยงได้
เหล่าพ่อค้านักเดินเรือที่ผ่านไปมา ได้สดับรับฟังเรื่องราวของสาวงามผู้นี้ และเสียงดนตรีอันไพเราะของนาง นึกถึงบ้านที่เดินทางจากมาไกลนับหมื่นลี้ สิ่งที่ชวนให้หลงไหล เพลงที่ดังกังวาลเข้าไปถึงโสตประสาท ซากปรักหักพังต่างฟื้นฟูกลับขึ้นมาใหม่ เกิดให้มีภาพลวงตาที่มิอาจหลบเลี่ยงได้
เมืองฉางอานก็ยังได้รับฟังบทเพลงมายานี้ น่าแปลกใจเสียจริง ที่บทเพลงนั้นสร้างภาพในความคิดของผู้รับฟัง ระฆังแห่งเมืองฉางอานดังไปเป็นจังหวะส่งต่อให้บทเพลง จากนั้น ทั้งเมืองได้ส่องประกายแววระยับ ดั่งที่นี่เป็นสถานที่วิเศษตระการตา ไม่ใช่โลกธรรมดาที่พวกเรานั้นอาศัยอยู่
เสียงเพลงดังไปจนถึงสนามที่อยู่ใจกลางฉางอาน พ่อเสือหนุ่มมองหาต้นตอของเสียงที่ดังมายังจุดที่ตนได้อยู่ นักปรุงยามิได้หลงไปกับเสียงเพลงแต่อย่างใด แต่ยังรับฟังเอาไว้และตั้งจิตจดจ่อไปกับการปรุงยาต่อ ด้านสาวนักเต้นได้หลงไปกัยเสียงและการเต้นรำของเธอก็ยังไม่ครบทุกกระบวนท่า
"ไม่ว่าจะสักกี่ครั้งกี่หน ทุกครั้งที่ข้าได้ยินเสียงของนาง นางยังคงบรรเลงต่อไปโดยมิสนใจสายตาของผู้คนที่จับจ้องมาที่นางอย่างนั้นเล่า เหตุใดการร่ายรำของอาหลีจึงมิเสร็จสมบูรณ์ดี.?'
"เพราะเจ้าจะปล่อยให้ตนเองรับฟังต่อไปในสิ่งที่ใจเจ้านั้นโหยหา และต้องการเห็นในสิ่งที่เจ้าต้องการ"
"ผู้คนชื่นชอบบทเพลงของนาง เพราะพวกเขาจะหวนรู้สึกถึงความสุข.. ใช่หรือไม่?" แม่สาวกระต่ายเหมือนจะเข้าใจอย่างถ่องแท้
"ผู้คนชื่นชอบบทเพลงของนาง เพราะพวกเขาจะหวนรู้สึกถึงความสุข.. ใช่หรือไม่?" แม่สาวกระต่ายเหมือนจะเข้าใจอย่างถ่องแท้
นักปรุงยามิได้ปริปากตอบแต่อย่างใด แต่เพียงปิดเปลือกตาของเขาและรับฟังบทเพลงอย่างตั้งใจ
เมื่อนานมาแล้ว ผู้คนต่างถูกแทนที่ด้วยสงความและปราศจาดความสงบสุข เด็กกำพร้าหลายคนได้มาจากเขตนอกเมืองแลพบเห็นกำแพงแห่งแผ่นดินใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ต่อหน้าต่อตา พวกเขาได้รู้ว่า พวกเขาต้องมีความสุขหากอยู่ในเมืองหลังกำแพงนั่นเป็นแน่.. มนุษย์ทุกคนมีสิทธิที่จะได้มีชิวิตและโหยหาความสุข ถึงแม้ว่าเหล่าเด็กกำพร้าจะไม่ใช่หนึ่งในนั้นก็เถิด
พวกเขาร่อนเร่พเนจรดังนกไร้ปีก โหยหาความสุขที่พวกเขาอยากจะได้รับ
ในตอนนั้นเอง นักปรุงยาได้รู้ว่า ตัวของเขานั้นได้พบเจอส่วนของความสุข ที่ตนนั้นได้เคยโหยหามานาน..
บนสิ่งก่อสร้างที่สูงนับหลานเมตร ยู่หวนได้บรรเลงบทเพลงเสร็จสิ้น ผู้คนต่างปรบมือเชยชม ให้ความงดงามของผู้บรรเลง และลำนาบทเพลงอันไพเราะและก่อให้เกิดความสุข
หน้าตาที่งดงามหยดย้อยของเธอ ชวนให้หลงใหลและจมดิ่งสู่ก้นบึ้ง
แต่เธอไม่อาจรับรู้ถึงมันเลยแม้สักน้อย
ไม่รู้สึกอะไรเสียสักอย่างเลย
ความสุขงั้นหรือ? มันเป็นอย่างไรกัน? เธอนั้นโปรดปรานเมื่อเธอได้ผู้คนที่รับฟังบทเพลงของเธอ ถูกท่วมท้นไปด้วยความสุข หวังแต่จะให้ได้รับรู้สึกถึงความสุข แม้เพียงแค่ ครั้งเดียวก็ตาม..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น